
วิธีการเลือกซื้อเครื่องมือวัดทางไฟฟ้า
การเลือกซื้อเครื่องมือวัดทางไฟฟ้า สิ่งที่เราควรคำนึงถึงจะต้องประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น ลักษณะของงานที่ต้องการวัด (ค่าที่ต้องการวัด),ความสะดวกการใช้งาน,ลักษณะการติดตั้ง,ช่วงการวัด,ความละเอียดและความแม่นยำของเครื่องวัด,สภาพแวดล้อมบริเวณที่ใช้งาน,มาตรฐานรับรองคุณภาพและที่สำคัญมาตรฐานความปลอดภัยของเครื่องมือวัดต่อผู้ใช้งาน
ลักษณะของงานที่ต้องการวัด (ค่าที่ต้องการวัด)
การระบุค่าหรือสิ่งที่ต้องการวัด เช่น แรงดัน,กระแส,อุณหภูมิ,ความต้านทาน,ความถี่ฯลฯ หลังจากนั้นก็ดูรายละเอียดของสิ่งที่ต้องการวัด ว่าต้องการแบบอนาล็อกหรือดิจิตอลและจำเป็นต้องมีฟังก์ชั่นพิเศษอื่นๆเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เช่น เอาต์พุต,การตั้งค่าการแสดงผล, การบันทึกค่าสูงสุด/ต่ำสุด,การรับอินพุตเป็นแบบตรงหรือต้องผ่านอุปกรณ์อื่นๆ เช่น วัดกระแสไฟสลับ อาจต้องใช้ CT (Current Transformer) เป็นอุปกรณ์ต่อร่วม,วัดอุณหภูมิอาจต้องใช้เทอร์มอคัปเปิลในการรับอุณหภูมิซึ่งก็ควรจะคำนึงถึงชนิดและรูปร่างของเทอร์มอคัปเปิลด้วย เพื่อลดค่าความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นในการวัดเพราะในงานแต่ละงานความเหมาะสมของเทอร์มอคัปเปิลก้อแตกต่างกันออกไปด้วย
ความสะดวกการใช้งานและลักษณะการติดตั้ง
ความเหมาะสมประเภทการใช้งาน เช่น ต้องการมิเตอร์ที่วัดค่าต่างๆ
- งานเพื่อใช้ซ่อมบำรุงเครื่องจักรในแต่ละที่ซึ่งอยู่ไกลกัน หรือวัดค่าที่ไม่จำเป็นต้องดูค่าตลอดเวลา ก็อาจเลือกมิเตอร์ที่เป็นแบบพกพา(Hand Held) เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
- บางงานเป็นงานที่ต้องการดูค่าตลอดเวลาเพื่อใช้ในการควบคุมหรือการจดบันทึก ก็ควรจะใช้มิเตอร์ที่ติดตั้งอยู่กับที่หรือติดตั้งที่แผงควบคุมที่เราเรียกว่า Panel Meter
- ส่วนงานวัดอุณหภูมิก็มีให้เลือกทั้งแบบสัมผัสและไม่สัมผัสกับวัตถุ ซึ่งการเลือกใช้ก็ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่ใช้
- งานติดตั้งหรือความปลอดภัยของผู้ใช้ เช่น วัดบนผิวชิ้นงานธรรมดาก็อาจใช้หัววัดแบบสัมผัสกับชิ้นโดยตรง
- บางงาน เช่น การวัดอุณหภูมิของหม้อแปลงไฟฟ้าแรงสูงก็ควรใช้เทอร์มอมิเตอร์แบบอินฟราเรดเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
ช่วงการวัดความละเอียดและความแม่นยำของเครื่องวัด
ผู้ใช้จะต้องทราบว่าค่าต่างๆที่วัดมีค่าอยู่ในช่วงเท่าใด เช่น วัดไฟฟ้าในสำนักงานทั่งไปแรงดัน 220VAC,วัดไฟ 3 เฟส 380VAC หรือไฟแรงสูงเป็นกิโลโวลต์ ฯลฯ เพื่อเลือกย่านวัดให้ถูกต้องและในการวัดต้องระบุค่าความละเอียดในการอ่านค่า (Resolution) รวมไปถึงค่าความแม่นยำ (Accuracy) ในการวัดด้วย เช่น จ่ายแรงดันที่ต้องการวัด 19.62 V ก็ต้องเลือกมิเตอร์ที่มีความละเอียด 0-01 ถึงจะแสดงผลตามที่ต้องการได้ ส่วนค่าความแม่นยำจะบอกถึงความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นกับค่าที่วัดได้จากเครื่องมือวัด ซึ่งผู้ใช้ควรจะนำมาพิจารณาในการใช้งานด้วยเพื่อให้ได้ค่าในการวัดที่ใกล้เคียงกับค่าจริงมากที่สุด
สภาพแวดล้อม
สภาพแวดล้อมที่อาจระบุในรูปของอุณหภูมิและความชื้นระหว่างการใช้งานหรือสภาพแวดล้อม ที่ระบุเป็นอุณหภูมิและความชื้นที่ใช้ในการเก็บรักษาของเครื่องวัดนั้นๆ ซึ่งค่าเหล่านี้ทางผู้ผลิตจะเป็นผู้ระบุมาในคู่มือการใช้งานอยู่แล้ว หรือในบางครั้ง
อาจระบุในรูปของมาตรฐานการป้องกันที่เราเรียกว่า มาตรฐาน IP ก็ได้ เช่น ในโรงงานหรือกระบวนการผลิตที่เป็นเครื่องจักรควรจะเป็นเครื่องวัดที่ออกแบบให้มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิปกติ สภาพความชื้นสูงรวมทั้งทนทานต่อการกระแทกหรือการตกหล่นที่อาจเกิดขึ้นได้
มาตรฐานรับรองคุณภาพของเครื่องวัดทางไฟฟ้า
เนื่องจากการใช้งานเครื่องวัดเหล่านี้จะเช้าไปเกี่ยวข้องกับปริมาณทางไฟฟ้าไม่มากก็น้อย ดังนั้น มาตรฐานที่รับรองคุณภาพจากประเทศต่างๆ ก็มีความหมายถึงการผ่านการทดสอบในเครื่องวัดที่เป็นที่ยอรับของประเทศนั้นๆ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจในคุณภาพของเครื่องมือวัดมากยิ่งขึ้น โดยตัวอย่างสัญลักษณ์รับรองมาตรฐานความปลอดภัยจะแสดงอยู่ที่ หน้า T31
มาตรฐานความปลอดภัยของเครื่องมือวัดต่อผู้ใช้งาน
คือ การป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานอุปกรณ์หรือเครื่องวัดต่างๆ ดังนั้น ถ้าต้องการวัดหรือใช้ไฟฟ้าในวงจรพลังงานสูง ควรมองหาเครื่องวัดที่มีมาตรฐานความปลอดภัยด้วยโอยมีองค์กรมาตรฐาน IEC (International Electrotechnical Commission) เป็นผู้กำหนดมาตรฐานความปลอดภัย IEC 61010 ไว้ซึ่งแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ไว้ดังนี้ คือ
- CAT I (Category I) เป็นแรงดันระดับสัญญาณที่มีในอุปกรณ์สื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์
- CAT II (Category II) เป็นแรงดันระดับทั่วไปในบ้านและสำนักงาน คือ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ปลั๊กไฟ เป็นต้น
- CAT III (Category III) เป็นแรงดันระดับสายส่งไฟฟ้าในอาคารชนิด 1 เฟส หรือ 3 เฟสโดยมีแรงดันไฟฟ้าต่ำกว่า 1,000 โวลต์
- CAT IV (Category IV) เป็นแรงดันระดับสายส่ง ไฟฟ้า ที่อยู่นอกอาคารที่เป็น 3 เฟส โดยมีแรงดันไฟฟ้าต่ำกว่า 1,000 โวลต์
ตารางมาตรฐานการทดสอบพิกัดความปลอดภัยของมิเตอร์
มาตรฐาน IEC 61010 กำหนดวิธีทดสอบมาตรฐานเน้นข้อสำคัญ 3 ประการ คือ แรงดันไฟฟ้าสภาพปกติ, แรงดันไฟฟ้าสูงสุดของการเกิดทรานเซียนต์ และความต้านทานของแหล่งกำเนิด | |||
มาตรฐานความปลอดภัย | แรงดันไฟฟ้าสภาพปกติ DC, AC-RMS to GND | แรงดันไฟฟ้าสูงสุดของการเกิดทรานเซียนต์ | ความต้านทานของแหล่งกำเนิด |
CAT I | 600V | 2500V | 30Ω (source) |
CAT I | 1000V | 4000V | 30Ω (source) |
CAT II | 600V | 4000V | 12Ω (source) |
CAT II | 1000V | 6000V | 12Ω (source) |
CAT III | 600V | 6000V | 2Ω (source) |
CAT III | 1000V | 8000V | 2Ω (source) |